ยินดีต้อนรับผู้เข้าชมบล๊อค เฮา "ฮัก" อิสานทุกคน บล๊อคนี้ผู้เข้าชมสามารถมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ในแบบที่เป็นตัวของตัวคุณเอง และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเชิญชวนให้เกิดความรักบ้านเกิดด้วยกันนะคะ

วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

ภาพดีๆ ที่อยากให้ดู


พี่น้องเอ้ย
ลมฝนมาพัดต้อง ว่อนว่อนหวิวหวิว
ในนาปลาค่อปลาซิว กำลังดิ้นหาน้ำ
ข้าวกะกำลังงามเริ่มเขียวพออุมทุม
หล่ะคือหยังมาสุมในใจ ย้อนว่าคิดฮอดบ้าน..ซั้นแหลว

วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ฮอดเวลากลับบ้านเฮาไปเบิ่งต้นกล้าแล้วพี่น้องเอ๋ย


กล้าเขียวอ่อนดั้ว ทั่วผืนนา ตาสะออน
ยอดแซมซ้อน ออนซอนหลาย ยามนา กล้าป่ง
ลงไปท่ง ฟังเสียงกบเขียดฮ้อง
ปานเสียงพิณห่าว หย่าวใส่กัน

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ข้าวจี่ "รสเด็ด"



“ข้าวจี่ คือข้าวเหนียวปั้นขนาดเท่ากำมือ โรยเกลือนำมาปิ้งบนถ่านไฟ ชุบไข่ไก่ แล้วนำไปย่างอีกรอบรับรองว่าแซบอีหลี.. หนาวๆ แบบนี้ได้ข้าวจี่ร้อนๆ กลิ่นหอมๆ สีเหลืองน่ารับประทานสักก้อนก็น่าจะดีทีเดียว ข้าวจี่เป็นอาหารที่นิยมกินในฤดูหนาว เพราะคนสมัยก่อนจะนิยมนั่งผิงไฟคุยกัน แล้วก็ทำข้าวจี่กินแก้หนาวไปด้วย อีกอย่างช่วงนี้เป็นฤดูหลังเก็บเกี่ยวข้าว ข้าวใหม่จะมีกลิ่นหอมและนุ่ม จึงเหมาะที่จะนำมาทำข้าวจี่กินกันเป็นอย่างมาก
  แต่บ้างก็ว่า เป็นเพราะชาวอีสานชอบเดินทางไกลหลังฤดูทำนา จึงต้องเตรียมอาหารเก็บไว้กินนานๆ ซึ่งนั่นก็คือข้าวจี่ และเมื่อทำมากพอสมควรก็จะนำไปถวายพระ จนกลายเป็นประเพณีทำบุญข้าวจี่
                    วิธีทำ ง่ายๆ
                    ๑. ปั้นข้าวเหนียว(ต้องนึ่งสุกแล้ว) เป็นก้อนทำแบนเล็กน้อยพองาม อ้อ อย่าลืมโรยเกลือหรือน้ำตาล
                    ๒. นำไฟจี่
(ปิ้ง หรือ ย่าง เตาถ่าน ไฟปานกลางถึงอ่อน ) กลับด้านให้เกรียม เป็นสีเหลืองพอสวยงาม
                    ๓. นำข้าวจี่ที่ย่างแล้วมาชุบไข่ไก่ ที่ตีไว้ในชาม(ใส่ซอสถั่วเหลือง และน้ำตาล เล็กน้อย ถ้าไม่ชอกไม่ใส่ก็ได้)
                    ๔. นำขึ้นเตา
อีกครั้ง ถ้าอยากได้ไข่หนาๆ ก็ชุบหลายครั้ง

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ประเพณีบุญผะเหวด คืออะไร ไปดู?

คึดฮอดบ้าน บุญพระเวสน์คือสิหลาย
คือสิมีกันหลอน แห่งันรำฟ้อน
ทศพรกัณฑ์ต้น มหาพนใกล้สิเที่ยง
เสียงมะลึกคึกคื้น อย่าลืมอ้ายผู้อยู่ไกล


บุญผะเหวด ประเพณีไทยภาคอีสาน ซึ่งจะทำบุญผะเหวด ปีละ ๑ ครั้ง ระหว่างเดือน ๓ เดือน ๔ ไปจนถึงกลางเดือน ๕ จะจัดประเพณีบุญผะเหวดใน ช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคมทุกปี โดยจะมีวันรวมตามภาษาอีสาน เรียกว่า วันโฮมบุญ พุทธศาสนิกชนมาช่วยกันจัดตกแต่งศาลาหรือสถานที่ที่จะทำบุญ จัดเตรียมเครื่องสักการะ ดอกไม้ ธูปเทียน ข้าวตอก อย่างละพันก้อน มีการตั้งธงใหญ่ ไว้แปดทิศ และมีศาลเล็กๆ เป็นที่เก็บข้าวพันก้อน และเครื่องคาวหวาน สำหรับ ผี เปรต และมารรอบๆ ศาลาการเปรียญจะแขวนผ้าผะเหวด เป็นเรื่องราวของพระเวสสันดร ตั้งแต่กัณฑ์ที่ ๑ ถึงกัณฑ์สุดท้าย การจัดงานบุญผะเหวด หรือ งานเทศน์มหาชาตินิยมที่อัญเชิญพระอุปคุต มาปกป้องคุ้มครองมิให้เกิดเหตุเภทภัยอันตรายทั้งปวง และให้โชค ลาภแก่พุทธศาสนิกชนในการทำบุญมหาชาติ จึงมีการแห่พระอุปคุต ซึ่งสมมุติว่า อัญเชิญมาจาก สะดือทะเล บุญผะเหวด เป็นประเพณีไทยภาคอีสาน สืบทอดกันมาจากอดีตจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาหลายร้อยปี เมื่อถึงเดือนสี่ชาวอีสานแต่ละหมู่บ้านจะประชุมกันเพื่อ กำหนดวันจัดงาน ตามความพร้อมของแต่ละหมู่บ้าน เมื่อกำหนดวันเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านจะบอกกล่าวญาติ พี่น้อง และหมู่บ้านใกล้เคียงให้มาร่วมงานบุญ และจะ ช่วยกันหาดอกไม้มาตากแห้งไว้ ช่วยกันฝานดอกโน (ทำจากลำต้นหม่อน) งานนี้เป็นงานใหญ่ทำติดต่อกันสามวัน วันแรก ตามประเพณีไทยดั้ง เดิมนั้น จะเรียกว่า วันบีบข้าวปุ้น หรือวันห่อข้าวต้ม ชาวบ้านจะเตรียมจัด ทำอาหารคาวหวาน ไว้ต้อนรับญาติพี่น้อง หรือเพื่อน สนิท มิตรสหายที่จะมาร่วมงานบุญ ซึ่งในงานประเพณี บุญผะเหวดร้อยเอ็ด กำหนดให้วันแรกตอนบ่ายๆ เป็นวัน แห่พระอุปคุตรอบเมือง ให้ประชาชนได้สักการบูชา แล้ว นำไปประดิษฐานไว้หออุปคุต ภายในบริเวณงาน เพราะ เชื่อว่าเป็นพระเถระ ผู้มีฤทธิ์ นิรมิตกุฏิอยู่กลางแม่น้ำมหาสมุทร สามารถขจัดเภทภัยทั้งมวลได้ และพระอุปคุต ยังปกป้องคุ้มครองมิให้เกิดเหตุเภทภัยอันตรายทั้งปวง และให้โชคลาภแก่พุทธศาสนิกชนในการทำบุญมหาชาติ จึง มีการแห่พระอุปคุต ซึ่งสมมุติว่า อัญเชิญมาจากสะดือทะเล วันที่สอง ตามประเพณีไทยดั้งเดิมถือว่าเป็นวันโฮม (วันรวม) จะเป็นวันที่ญาติพี่น้อง ที่รู้ข่าวการทำบุญ มหาทานจะมาร่วมทำบุญโดยนำข่าวสาร อาหารแห้ง มาร่วมสมทบ และร่วมรับประทานอาหารตลอดทั้งวัน พร้อมทั้งนำอาหารต่างๆ ไปฝากญาติพี่น้องคนอื่นๆ ด้วย ในงานประเพณีบุญผะเหวดร้อยเอ็ด กำหนดให้เป็นวันแห่ พระเวสสันดรเข้าเมือง แต่ละคุ้มวัดตลอดทั้งอำเภอทุก อำเภอในจังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน ๒๐ อำเภอ จะจัดขบวน แห่แต่ละกัณฑ์ทั้ง ๑๓ กัณฑ์แห่รอบเมือง ตอนเย็นมีมหรสพ สมโภช ในวันที่ ๒ และ ๓ ชาวร้อยเอ็ดทุกภาคส่วนทั้งภาค ราชการ บริษัทห้างร้าน เอกชน จะมีตั้งเต็นท์บริการเลี้ยง ข้าวปุ้นฟรีตลอดงาน วันที่สาม เป็นวันแห่กัณฑ์จอบกัณฑ์หลอน เริ่มตั้งแต่ เช้ามืด ประมาณตีสี่ ชาวบ้านจะนำข้าวเหนียวมาปั้นเป็นก้อน มาทำพิธีเพื่อเอาบูชากัณฑ์เทศน์ คาถาพัน เรียกว่า”ข้าว พันก้อน” ชาวบ้านจะพากันแห่ข้าวพันก้อนรอบศาลาวัด มี หัวหน้ากล่าวคำบูชา บุญผะเหวด หรืองานบุญมหาชาติ ถือเป็นงานมหากุศล ให้รำลึกถึงการบำเพ็ญบุญ คือ ความดีที่ยิ่งใหญ่ อันมีการ สละความเห็นแก่ตัวเพื่อผลคือ ประโยชน์สุขอันไพศาลของ มวลชนมนุษย์ชาติเป็นสำคัญ ดังนั้น บรรพชนชาวไทยอีสาน แต่โบราณ จึงถือเป็นเทศกาลที่ประชาชนทั้งหลายพึงสนใจ ร่วมกระทำบำเพ็ญ และได้อนุรักษ์สืบทอดเป็นวัฒนธรรมประเพณี สืบมาจนถึงอนุชนรุ่นหลังที่ควรเห็นคุณค่าและอนุรักษ์เป็น วัฒนธรรมสืบไป นอกจากนี้ยังเป็นการสังสรรค์ ระหว่าง ญาติพี่น้องจากแดนไกลสมกับคำกล่าวที่ว่า "กินข้าวปุ้น เอาบุญผะเหวด ฟังเทศน์มหาชาติ"

วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อาหารรสเด็ดของเฮาชาวอิสาน "วันนี้"

เมนูเด็ด

ส้มตำ 
  เป็นอาหารคาวของไทยอย่างหนึ่ง มีต้นกำเนิดไม่แน่ชัดโดยน่าจะมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของไทยและ ประเทศลาว ส่วนมากจะทำโดยนำมะละกอดิบที่ขูดเป็นเส้น มาตำในครกกับ มะเขือเทศลูกเล็ก ถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง พริก และกระเทียม ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ปูดองหรือปลาร้า ให้มีรสเปรี้ยว เผ็ด และออกเค็มเล็กน้อย นิยมกินกับข้าวเหนียวและไก่ย่าง โดยมีผักสด เช่น กะหล่ำปลี หรือถั่วฝักยาวผักบุ้ง เป็นเครื่องเคียง

หมกปลาแขยง  
  เป็นอาหารพื้นเมืองชนิดหนึ่งของภาคอิสาน ใช้ใบตองห่อ นิยมใช้กับ เนื้อปลา ไก่ กบ เขียด และหน่อไม้ หมกหรือห่อหมกของภาคอิสานจะไม่ใส่กะทิ และที่สำคัญขาดไม่ได้คือ"ปลาร้า" ซึ่งเกิดจากภูมิปัญญาการถนอมอาหารของบรรพบุรุษของชาวอิสาน ชาวอิสานทุกครัวเรือนต้องมีปลาร้าไว้ประจำครัวค่ะ 

ปิ้งปลาขาวมน 
  ปลาขาวมน คือปลาน้ำจืดที่มีขนาดลำตัวไม่ใหญ่มาก คนอิสานมักไปทอดแหมาจากหนองน้ำ หรือแม่น้ำใหญ่ เพราะมีอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อหาได้แล้วจะผ่าเอาใส้หรือดีปลาต่างๆออก แล้วนำมาปิ้งไฟ จนสุกง่อมนิยอมทานคู่กับข้าวเหนียวและส้มตำ

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อาหารเลิศรสของเรา


ลมเหมันต์มาพานต้องฮวงข้าวกล่องกะโอนเอน
มาคิดเห็นใจคนที่ห่างไกลไปหลายมื้อ
ย้านเป็นคือดั่งฮวงข้าวหลงลมสาวแล้วไป่น้อ
เอาคารมมาหลอกล่อ สิเอนเอื้อนอ่วยตาม เด้เนาะ
คิดเห็นบ่น้อใจน้องหล่าคำแพงคนใจซื่อ
ยังยึดถือความฮักอ้าย บ่หมายม้างออกห่างใจ
หลายร้อยโลที่ห่างหน้า บ่เคยว่าสิห่างเหิน
บ่เคยเพลินไปนำไผ เพราะหัวใจมีเพียงอ้าย

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แม่โพสพ คือใคร?



ความเชื่อที่แตกต่างๆกันของแต่ละภาค เกี่ยวกับพระแม่โพสพที่คนไทยในแต่ละภาคถือว่า พระแม่โพสพ เป็น "เทพี" ที่คอยดูแลต้นข้าวของชาวนาคอยดูแลพืชผลผลิตให้อุดมสมบูรณ์ เวลาเกี่ยวข้าวเสร็จก็จะ ทำพิธี "ขอขมา" พระแม่โพสพด้วย

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556


คลิปวิดีโอที่ให้แง่คิดและจะทำให้ทุกคนซึ้ง คลิปดีๆที่ควรดู

(สำนึกรักบ้านเกิด)

วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

 

สาวอีสาน
อย่าสุไลลืมถิ่ม พงศ์พันธุ์พี่น้องเก่า
อย่าสุละเซื้อเหง้า หาย้องผู้อื่นดี
เพิ่นว่าไทไกลนี้ เจงเลงน้ำแจ่วข่า
บ่ท่อใสจิ่งหลิ่ง ไทใกล้น้ำแจ่วขิง

วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ฟ้อนแหย่ไข่มดแดง


     ในอดีตนั้น การประกอบอาหารและการเสาะหาแหล่งอาหารของชาวไทอีสานในความเป็นอยู่แบบพอ เพียงไม่ได้ซื้อหาจากตลาดหรือร้านค้าดั่งเช่นในปัจจุบัน ชาวอีสานในอดีตจึงออกแสวงหาอาหารในแหล่งธรรมชาติใกล้ชุมชน เช่น ในท้องนา ป่าชุมชน ป่าทาม รวมไปถึงในแหล่งน้ำตามธรรมชาติ แม้ว่าปัจจุบันวิถีชีวิตบางอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็ตาม ด้วยกระแสบริโภคนิยม บางท้องที่หรือบางชุมชนก็ยังหาอยู่หากินอย่างพอเพียงตามวิถีชีวิตแบบดั้ง เดิมกันอยู่
“ไข่มดแดง” รวมถึงตัวอ่อนของมดแดง ก็ถือได้ว่าเป็นอาหารอีสานที่หารับประทานได้ในช่วงหน้าแล้งเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นอาหารตามฤดูกาลแม้ในปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมในการบริโภค กันอยู่ ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และสามารถหาได้ง่ายๆในท้องถิ่น ซึ่งกรรมวิธีการหาไข่มดแดงจะต้องมีอุปกรณ์ คือ ไม้ไผ่ยาวผูกปลายด้วยตะกร้า และมีคุใส่น้ำเตรียมไว้ใส่ไข่มดแดงที่แหย่ได้ แล้วใช้เศษผ้ากวนเอาตัวมดแดงแยกออกจากไข่ เพื่อนำไปประกอบอาหารต่อไป
ภาควิชานาฏศิลป์ วิทยาลัยครูบุรีรัมย์ (มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์) ได้ศึกษารูปแบบการแหย่ไข่มดแดงของชาวบ้าน โดย อ.ประชัน คะเนวัน และ อ. ดรรชนี อุบลเลิศ ได้ศึกษาขั้นตอนอย่างละเอียด ก่อนจะนำมาประดิษฐ์เป็นชุดการแสดง “เซิ้งแหย่ไข่มดแดง” ซึ่งมีความสนุกสนานเร้าใจในแบบศิลปการแสดงแบบชาวอีสาน ซึ่งได้แสดงออกถึงการออกไปหาไข่มดแดง ซึ่งได้มาอย่างยากลำบาก ทั้งต้องถูกมดแดงกัดหรือไต่ตามเสื้อผ้า การกวนแยกตัวมดแดงออกจากไข่ ทำให้ชุดการแสดงนี้บอกเล่าวิธีการได้อย่างละเอียด
การแสดงฟ้อนแหย่ไข่มดแดง
- เดินทางออกจากบ้าน ฝ่ายหญิงจะถือคุใส่น้ำและเศษผ้าเหน็บไว้ที่เอว ชายถือไม้ยาวผูกตะกร้าที่ปลายไม้สำหรับแหย่รังมดแดง
- มองหารังมดแดง
- แหย่มดแดงได้เทลงในครุใส่น้ำ
- นำผ้ากวนมดแดง เพื่อแยกตัวมดออกจากไข่มดแดง
- เทน้ำออกจากครุ
- เก็บอุปกรณ์เดินทางกลับบ้าน

เครื่องแต่งกาย ฝ่ายชายนุ่งกางเกงขาก๊วย เสื้อคอกลมแขนสั้น มีผ้าขาวม้าคาดเอว และใช้ผ้าขาวม้าโพกศีรษะ ฝ่ายหญิงสวมเสื้อแขนกระบอก 3 ส่วนคอกลม ห่มสไบ นุ่งผ้าซิ่นมัดหมี่สั้นแค่เข่า

ดนตรี ลายสุดสะแนน ลายเซิ้งบั้งไฟ
อุปกรณ์สำหรับการแสดง คุใส่น้ำ ตะกร้าผูกปลายไม้ยาว ผ้าสำหรับกวนมดแดง

...................................................................................................................................................




อิสานลำเพลิน โรงเรียนอนุบาลวัดปรินายก


 คลิปวิดีโอที่ดูแล้วรู้สึกภูมิใจ ที่ยังมีเยาวชนไทยทำสิ่งดีๆ เผยแพร่ให้กับสังคมให้ดู
ด.ญ.พธูรัฐ อยู่พร้อม อายุ 12 ปี รำแสดงในงาน "ราตรีฟ้าขาว พราววิไล" โรงเรียนอนุบาลวัดปรินายก วันที่ 10 มีนาคม 2555.
ขอขอบคุณคลิปดีๆจาก www.youtube.com

อยากให้เพื่อนๆดู "คลิป" ที่ชวน "หัวเราะ" ในแบบภาษาอิสาน


รถเป็นหยังล่ะแป้งร่ำ

วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556



คึดฮอดเด้ แนวเคยกินอยู่บ้าน ป่นกะปูบักขามอ่อน
กินแกงบอน ซุบหน่อไม้ ป่นดักแด้ใส่ลาบเทา
ยอดกะเดาหมกใบกล้วย หอมฮวยๆ กินกับป่น
ผักกะโดนโพนนาน้อย เก็บมาจ้ำจิ้มแจ่วบอง
จากบ้านนามาโดนมื้อ คึดฮอด ดอกควมเก่า
จากผู้แก่ผู้เฒ่า ความเพิ้นเว้า บ่ได้ยิน
จากกลิ่นดิน กลิ่นหญ้า ปูปลาอยู่ท่งไฮ่
จากพ่อแม่ปานขาดใจ หนีมาไกลจากบ้าน
หัวใจนั้นกะห่วงหา จากไฮ่นา เคยครองสร้าง ...
กะได้ห่างมาไกล จักปานไดสิได้คืน ต่าวดอกเมือบ้าน

วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556


อ้ายเป็นโบม นางขอเป็นไม้ข่อนด้าม
  พอได้ปี้น ดอกเข่าส่าย คันอ้ายเป็นป่านสาย
  นางขอเป็นว่าวน้อย ให้อ้ายคล้องบัดต้องลม
      คันอ้ายเป็นตม นางสิขอเป็นควายดอกแม่น้อยนอนแส่ 
คันว่าแม่นอ้ายเป็นแหนางสิขอเป็นข่องน้อย ให้บักอ้ายดอกใส่ปลา



ถึงผู้ไปไกลบ้าน สถานถิ่นเมืองหลัง                 
ถึงผู้ไกลจากฝั่ง นทีทองบ่อนเคยอยู่
 ถึงผู้ไลลาล้าง พงศ์พันธุ์พี่น้องเก่า                     
ถึงผู้ไปเนายั้ง ต่างเมืองเมืองเค้าถิ่นดินแม่